Type of Research

Type of Research


                  การวิจัยกึ่งทดลอง   คือ  การค้นคว้าหาความจริงที่มุ่งอธิบายความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรโดยมีการจัดกระทำ(Manipulation) กับตัวแปรอิสระภายใต้เงื่อนไขที่ผู้วิจัยจัดขึ้น แล้วติดตามผล การเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตาม โดยไม่มีการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง (randomization)  และ/หรือ การควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน( control extraneous variables)   จึงไม่สามารถบอกความเป็นเหตุเป็นผลได้ชัดเจนเหมือนการวิจัยเชิงทดลองจริง แต่มีความยืดหยุ่นและเป็นธรรมชาติมากกว่า วิจัยประเภทนี้จึงมีความตรงภายนอก คือการนำผลวิจัยไปอ้างอิงสู่ประชากร ได้มากกว่าวิจัยทดลองจริง


                  จุดมุ่งหมายของการวิจัยกึ่งทดลอง

1.   เพื่อหาความสัมพันธ์ตามประจักษ์  การทำการทดลองมักจะเริ่มจากความอยากรู้อยากเห็นของผู้วิจัยว่า  ถ้าเปลี่ยนค่าตัวแปรนี้แล้ว  ผลที่เกิดตามมาจะเป็นอย่างไร   ผู้วิจัยยังไม่มีทฤษฎีที่จะนำมาใช้พยากรณ์ผลที่เกิดขึ้นอย่างแน่ชัด  จึงต้องการทดสอบสมมุติฐานในประเด็นที่สนใจ  เมื่อทำการศึกษาด้วยการทดลอง  ผลการทดลองก็จะสามารถบอกถึงความสัมพันธ์ตามประจักษ์ได้
2.   เพื่อตรวจสอบทฤษฎี  โดยปรกติทฤษฎีมักจะอยู่ในรูปของประโยคว่าถ้าเกิด  แล้วจะเกิด  B  ตามมาในการตรวจสอบทฤษฎีนี้  ถ้าจะทำให้ถูกต้องแล้ว  จะต้องรอให้เหตุการณ์  A  เกิดขึ้นก่อน  แล้วดูผลว่าเกิดเช่นนั้นตามที่กล่าวไว้ในทฤษฎีหรือไม่  แต่การเฝ้าติดตามผลอาจใช้เวลานาน หรืออาจมีตัวแปรแทรกซ้อนอื่นๆตามมา การตรวจสอบทฤษฎีจึงนิยมกระทำด้วยการทดลอง  โดยการสร้างสถานการณ์  A  ให้เกิดขึ้นและควบคุมสิ่งแทรกซ้อนอื่น ๆ  ให้หมดไป  แล้วสังเกตผลที่เกิดขึ้นว่าตรงกับคำพยากรณ์ของทฤษฎีหรือไม่ วิธีการทดลอง  จึงเป็นวิธีที่สะดวกในการตรวจสอบทฤษฎี

  ข้อดีและข้อจำกัดของวิจัย กึ่งทดลอง
การวิจัยกึ่งทดลอง เป็นวิจัยที่สามารถอธิบายความเป็นเหตุเป็นผลของตัวแปรได้มากกว่าวิจัยไม่ทดลอง จึงพบว่าการวิจัยประเภทนี้มีความตรงภายในค่อนข้างสูง (Internal Validity) แต่ในสภาพความเป็นจริงตามธรรมชาติการวิจัยกึ่งทดลองอาจจะมีข้อจำกัดในการนำผลการวิจัยไปใช้  สรุปข้อดีและข้อจำกัดของวิจัย     กึ่งทดลองมีดังนี้

ข้อดี
ข้อจำกัด
ทำได้ง่ายเป็นไปในทางปฏิบัติได้มากกว่าวิจัยทดลองจริง
มีปัญหาการจัดกระทำกับตัวแปรอิสระ
การนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าวิจัยทดลองจริง
ไม่เป็นไปตามธรรมชาติอาจจะมีข้อจำกัดในการนำไปใช้
สามารถบอกความเป็นเป็นผลได้มากกว่าวิจัยไม่ทดลอง
อาจจะเกิดผลด้านจริยธรรม



  

                  สรุป วิจัยกึ่งทดลอง  เป็นการวิจัยที่มุ่งอธิบายความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรโดยมีการจัดกระทำกับตัวแปรอิสระภายใต้เงื่อนไขที่ผู้วิจัยจัดขึ้น แล้วติดตามผล การเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตาม โดยไม่มีการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง และ/หรือ การควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนจึงไม่สามารถบอกความเป็นเหตุเป็นผลได้ชัดเจนเหมือนการวิจัยเชิงทดลองจริง แต่มีความยืดหยุ่นและเป็นธรรมชาติมากกว่า  เพื่อให้การสรุปผลวิจัยเป็นไปอย่างถูกต้อง ในการออกแบบการวิจัยจึงต้องคำนึงถึงหลักการของ “ The Max  Min Con Principle” ให้มากที่สุด รูปแบบของการวิจัยกึ่งทดลองมีหลายประเภท ผู้วิจัยควรเลือกใช้ให้สอดคล้องกับปัญหาการวิจัยและบริบทของกลุ่มตัวอย่าง  นอกจากนี้การวิจัยกึ่งทดลองส่วนใหญ่เป็นการจัดกระทำกับมนุษย์ ซึ่งอาจส่งผลทางด้านจิตใจ ร่างกาย หรือพฤติกรรมของบุคคลที่ได้รับการทดลอง ดังนั้นจึงเสี่ยงต่อการล่วงละเมิดจริยธรรมในการวิจัย (research ethics) นักวิจัยจึงควรตระหนักในประเด็นเหล่านี้ด้วย 

               หลักการควบคุมความแปรปรวน (Max Min Con Principle)
1. ทำให้ความแปรปรวนของตัวแปรตามอันเป็นผลเนื่องมากจากตัวแปรต้น หรือตัวแปรที่สนใจมีค่ามากที่สุด (Maximize Systematic Variance) ทำได้โดยเลือกตัวแปรต้นให้มีความ แตกต่างกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น จะทดลองเปรียบเทียบวิธีการสอน วิธีการสอนทั้งสองนั้นจะต้องมีความแตกต่างกันผู้วิจัยคาดหวังว่าจากการสอนด้วยวิธีสอนสองวิธีนั้น จะให้ผลแตกต่างกัน เหตุผลที่ต้องพยายามทำให้ความแปรปรวนอันเป็นผลเนื่องมาจากตัวแปรต้นมีค่ามาก ที่สุด เพราะว่าจะทำให้ผลสรุป ที่ได้มีความชัดเจน กล่าวคือ ถ้าพบความแตกต่างระหว่างตัวแปรตามจะสรุปได้ว่ าเป็นผลเนื่องมาจากความแตกต่างระหว่างตัวแปรต้น นั่นเอง
    2. ทำให้ความแปรปรวนของตัวแปรตามอันเป็นผลเนื่องมาจากความคลาดเคลื่อนต่าง ๆ 
มีค่าน้อยที่สุด (Minimize error Variance) ความคลาดเคลื่อนต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นจากความแตกต่างระหว่างบุคคล ความไม่คงที่ของสมาชิกในกลุ่มตัวอย่างแต่ละคน เช่น ในการทดลองเกี่ยวกับวิธีการสอน ใช้ครูคนเดียวกันในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ความคลาดเคลื่อนของเครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล การลดค่าความแปรปรวนที่เกิดจากความคลาดเคลื่อนต่าง ๆ นั้นทำได้โดยปรับปรุงคุณภาพของเครื่องมือให้มีความตรง (Validity) และความเที่ยง (Reliability) ให้สูง และพยายามเพิ่มความแม่นยำในการบันทึกรวบรวมข้อมูล
    3. ควบคุมความแปรปรวนของตัวแปรตามอันเป็นผลเนื่องมาจากตัวแปรเกินให้มีค่า ต่ำสุด (Control extraneous Systematic Variance) ซึ่งทำได้โดยพยายามควบคุมหรือกำจัด ตัวแปรเกินต่าง ๆ ออกไปจากงานวิจัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

อ้างอิง
netra.lpru.ac.th/~phaitoon/1research3/qua-si.doc